ย้อนไปเมื่อปี 2526 เป็นยุคที่ศิลปินมี “เสน่ห์” แบบไร้การปรุงแต่ง ทั้งลีลา ท่าทาง เสื้อผ้า หน้าผม แนวดนตรี เรียกว่ามากันแบบธรรมชาติจริงๆ ทุกคนเลยมีความเป็นตัวของตัวเอง มีเอกลักษณ์ เป็นที่จดจำและนั่งอยู่ในหัวใจ FC มาจนถึงทุกวันนี้ บางครั้งก็ถ่ายทอดความชอบไปจนถึงรุ่นลูก รุ่น หลานเลยก็มี
คุณแดง หรือ สุชิน ชุติสิริวัฒนา นักร้องนำ วงซัคเซส ที่โด่งดังมากในยุคนั้น ความดังของเขามาแบบเซอร์ไพร์ส แต่เจ้าตัวใช้คำว่า “ตกกระไดพลอยโจร” คือ ผมเป็นคนชอบแต่งกลอน ชอบเล่นกีตาร์ มาตั้งแต่เด็ก ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปครับ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยช่วงปี 2-3 ผมแต่งเพลงเก็บไว้หลายเพลง จนวันหนึ่งผมลองส่งไปค่ายเพลง เพราะอยากให้มีคนรู้จักเพลงของผม แต่ทางค่ายเพลงก็เงียบหายไปนานเลย จนมีอยู่วันหนึ่งทางค่ายเพลงติดต่อกลับมาว่า เขาเลือกเพลงของผมไปทั้งหมด 4 เพลง ผมก็บอกว่าได้เลยครับ เอาไปเลย ผมดีใจและคิดว่าจบแค่นั้น แต่ไม่แค่นั้นซิครับ!
คือ ตอนผมเรียนอยู่ ปี 4 สอบวิชาสุดท้ายพอดี ก็มีคนเดินตามผมมาที่หน้าห้องสอบเลย เขาบอกว่า คืนนี้ไปเข้าห้องอัดนะ ไปอัดเสียง ร้องเพลงเลย แต่ผมตอบกลับไปว่า ผมร้องไม่เป็น ผมแค่แต่งเพลงส่งให้เฉย ๆ แต่เขาก็บอกผมว่า ทางค่ายชอบไปเถอะ ลองไปดูว่ามันเป็นยังไง
คืนนั้นก็ได้ไปเข้าห้องอัดเสียงทั้งหมด 4 เพลงๆ ที่เขาเลือกของเราไป แรงรัก, รักมั่นคง, ลม และ ชีวิตฉันมีแต่เธอ แล้วหลังจากนั้น ค่ายก็ให้ผมไปอยู่ในวงที่ชื่อ ซัคเซส (Success) ซึ่งตอนนั้นในวงมีนักดนตรีและมีนักร้องอยู่แล้ว ผมเข้าไปเป็นส่วนเสริมให้ในวง แล้วก็รับหน้าที่เป็นคนแต่งเพลงประจำวง ร้องเพลงไปด้วย ร้องดีหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ (หัวเราะ)
ด้วยความที่ผมไม่มีประสบการณ์ ตอนนั้นก็เออ ร้องก็ร้อง ทำให้ได้ที่สุด ออกผลงานเพลงเมื่อปี 2526 กับพวกเพื่อน ๆ ในวง วงผมมีสมาชิกทั้งหมด 7 คน เพลงทั้ง 4 เพลงที่ปล่อยออกมาตอนนั้นคนส่วนใหญ่จะรู้จักเพลง “รักมั่นคง” เพราะนอกจากเวอร์ชั่นที่ผมร้อง ก็มีการนำมาคัฟเวอร์ใหม่ ตอนนั้น คุณกุ้ง ตวงสิทธิ์ แห่งวงเพื่อน นำเพลงนี้ไปร้องทำให้คนส่วนใหญ่รู้จักเพลงนี้ นี่ล่ะครับที่เรียกว่า “ตกกระไดพลอยโจร”
ด้วยความที่ผมไม่เคยเป็น “ศิลปิน” ผมก็ทำตัวไม่ถูก มีอยู่วันหนึ่งเขาก็เรียกผมไปถ่ายลิปซิงค์ในสตูดิโอ หรือที่เขาเรียกกันในสมัยนี้ว่า MV ตอนนั้นผมก็ไปถ่ายตามปกติ ผมก็เต้นไม่ค่อยเป็น ทำตัวไม่ค่อยถูก หลังจากถ่ายเสร็จแล้วก็ได้ออกอากาศไปตามช่องทางต่าง ๆ ที่ทางบริษัทเป็นเจ้าของรายการอยู่ หลังจากนั้นพอโปรโมทไปได้ไม่นานก็มีคนรู้จักผมมากขึ้น มันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป ผมทำตัวไม่ถูกเลย ผมไม่เคยเป็นศิลปินมาก่อน พอเวลาเจอใครมันก็ต้องยิ้มแย้ม มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่า ผมควรทำตัวยังไง แม้กระทั่งตอนที่ขึ้นรถเมล์ไป ยังมีคนทักว่า โอ้! คนนี้เป็นศิลปินร้องเพลงนี้ใช่ไหม ก็ใช้ระยะเวลาประมาณช่วงหนึ่งเลย ในการปรับตัวในเข้ากับการเป็นนักร้อง เป็นการเริ่มต้นหลังจากที่ตกกะไดพลอยโจรไปวันนั้น
การทำงานเพลงในช่วงที่อยู่วง Success
Success เรามีแค่อัลบั้มเดียว ทั้งอัลบั้มจะมีอยู่ 10 เพลง 6 เพลงเป็นของที่เขาทำมาอยู่แล้ว ส่วนอีก 4 เพลงของผมนี่คือเข้าไปเสริมให้ครบ 10 เพลง แต่ว่าเพลงของผมก็ถูกหยิบมาเป็นอันดับแรกในการโปรโมท ซึ่งนักร้องอีกคนเขาก็มีเพลงอีกจำนวนหนึ่งก็ถูกหยิบขึ้นมาโปรโมท พร้อม ๆ กัน
ความรู้สึกตอนเที่เขียนเพลง “รักมั่นคง”
ผมเป็นคนแต่งเพลงโดยใช้กีตาร์เป็นตัวนำ แล้วก็ชอบแต่งเพลงโดยฮัมทำนองไปพร้อมกับเนื้อเพลง ฮัมทำนองเสร็จแล้ว ผมก็เขียนเนื้อ แล้วลองเล่นไปร้องไปพร้อมกัน ปรากฏว่ามันก็ออกมาใช้ได้นะ ก็เลยส่งไปให้ค่ายเพลงเขาทำ และผมก็นึกไม่ถึงว่าจะมีคนรู้จักเพลงผมระดับหนึ่ง ในนามวง Success หลังจากที่ผมเลิกวงไป ทางค่ายนิธิทัศน์โปรโมชั่น เขาขอเพลงนี้ใปให้กับศิลปินวงเพื่อน ที่ร้องโดย กุ้ง ตวงสิทธิ์ เรียมจินดา ถ้าใคร ๆ เคยฟังเพลงก็จะรู้จักเพลงนี้ดี มันเลยเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งว่า โอ้โห เพลงของผมนะ ผมร้องเองนี้ไม่ดังเท่าไหร่เลย แต่พอศิลปินใหญ่เอาไปร้องนี้ทำให้เพลงดังมาก (หัวเราะ) จนทำให้คนรู้จักผมมากขึ้น มันเลยเป็นผลต่อเนื่องกลับมาว่า เวลาผมอยากทำค่ายเพลงเล็กๆ ผมก็เลยเริ่มต้นโดยที่ผมเป็นศิลปินเอง แล้วก็เอาเพลงนี้เป็นเพลงนำก่อนเพลงแรก ทั้งๆ ที่เพลง รักมั่นคง เป็นเพลงลำดับที่ 2 ที่ผมแต่งในชีวิต ลำดับที่ 1 คือเพลง แรงรัก แต่เพลงนี้ถูกนำมาออกใน Single ลำดับที่ 2
แนวเพลงที่ชอบ
จริงๆ แล้วเป็นคนที่ชอบฟังเพลง ป๊อป ทั้งหมด แนวเฮฟวี่ ก็มีฟังบ้าง R&B ก็มีบ้างเหมือนกัน แต่ผมก็ยังเข้าไม่ถึงขนาดนั้น ปัจจุบันที่เป็น Rapper กันซะส่วนใหญ่ ก็ตามไม่ทัน ก็จะได้ฟังแค่เพลงป๊อป และเพลงแนวโรแมนติก
รู้สึกอย่างไรเมื่อมีคนนำเพลงตัวเองไป Cover ในหลาย ๆ เวอร์ชั่น
รู้สึกว่ามันเป็นความภาคภูมิใจว่าผมแต่งเพลงแล้ว มีคนสนใจที่จะนำไปร้องต่อ มันคือความภูมิใจของคนที่แต่งเพลงจริง ๆ เรียกว่าดวงคนจะดังอะไรก็ยั้งไม่อยู่หากถูกที่ถูกเวลา เราเลยอยากรู้ว่าชีวิตของคุณแดงมากับดวงตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า จึงขอให้คุณแดงเล่าถึงชีวิตในตอนเด็กให้ฟัง
ผมเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด คุณพ่อคุณแม่ สมัยก่อนเป็นเชฟ ทำงานอยู่ในวัดคริสต์ ทำอาหารให้บาทหลวงที่อยู่ในวัดรับประทานกัน ชีวิตก็จะวนเวียนอยู่ที่วัดคริสต์ตั้งแต่วัยเด็ก พอโตขึ้นมาบาทหลวงที่วัดก็พาไปเข้าโรงเรียนอัสสัมชัญกรุงเทพ ผมมีพี่น้อง 7 คน ก็ได้เรียนที่นี่หมด เพราะมีบาทหลวงเป็นคนช่วยเหลือเลยได้เรียนในโรงเรียนดีๆ กันหมด ถ้าเป็นผู้หญิงจะได้เข้าเรียนโรงเรียนมาแตร์เดอี ถ้าเป็นผู้ชายจะได้เข้าเรียนที่อัสสัมชัญ เพื่อนที่โรงเรียนจะเรียกผมว่า เต็ง* เพราะว่าแต่ก่อนใช้แซ่ “แซ่เต็ง”
ชีวิตในวัยเรียน
ผมเรียนที่อัสสัมชัญตั้งแต่ ประถมปีที่ 1 (ป.1) จนจบ มัธยมศึกษาปีที่ 5 (มศ.5) สมัยนั้นมันจะมี ป.1-ป.4 แล้วก็ ป.5 ป.6 ป.7 มศ.1 จนถึง มศ.5 หลังจากนั้นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย สมัยนั้นเขาเรียก สอบเอนทรานซ์ สอบได้คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า ธรรรมศาสตร์ตั้งอยู่ตรงไหน เพราะว่าสมัยเรียนมัธยมไม่ค่อยได้ไปไหน เรียนเสร็จก็กลับบ้าน เช้าก็มาโรงเรียนแล้วก็กลับบ้าน ชีวิตประจำวันจะเป็นแบบนี้
หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ตอนนั้นก็มีโอกาสได้เจอรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่เขาคอยดูแลผม คอยบอกว่าผมต้องใช้ชีวิตยังไงในรั้วมหาลัย เรียนยังไง ลงทะเบียนเรียนยังไง เข้าไปปีแรก ตอนปี1 คือมันจะไม่เหมือนตอนที่เรียนมัธยมเลย พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะไม่มีใครมาคอยบังคับให้เข้าเรียน แตกต่างจากตอนมัธยมที่ตอนนั้นผมเป็นคนชอบเรียนมาก ทีนี้ผมก็มีโดดเรียนบ้าง อะไรบ้าง จนติดใจ พอถึงเวลาเรียนวิชาหนึ่งก็ไม่อยากเข้าเรียน พอไม่อยากเข้าเรียนก็ออกมานั่งเล่น “เลี๊ยบตุ่ย” (หมากรุกจีน) กับเพื่อน
หลังจากนั้นผมก็เรียนบ้างโดดบ้างมาเรื่อยๆ จนเรียนจบ แต่ผมสามารถใช้เวลาเรียนทั้งหมด 3 ปีครึ่งในการเรียนได้ เพราะว่าผมอยากเร่งเวลาในการเรียนให้มันเร็วขึ้น ผมอยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอกแล้ว ไม่ต้องการจะเรียนอีกต่อไปแล้ว
ทำไมถึงใช้ชื่อว่า “ Chin ”
คือผมจะไม่ค่อยบอกชื่อเล่น “แดง” ให้เพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันทราบ บางคนก็เลยเรียกผมว่า “Chin” ตามชื่อจริงผมก็คิดว่าเออ ก็เท่ดี แล้วพอดีผมกลับมาทำงานเพลงใหม่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2562 ซึ่งผมก็เอาเพลงของผมที่เคยทำกับ Success และผมเป็นเจ้าของเพลงนั้นอยู่ นำมาทำใหม่ ซึ่งผมนึกชื่อไม่ออกว่าจะใช้ชื่ออะไรดี ผมก็เลยคิดว่าเออ เอาชื่อ “Chin” ละกัน มันดูอินเตอร์ดี (หัวเราะ)
กว่าจะมาเป็นเจ้าของค่ายเพลง ผ่านประสบการณ์มามากมาย
เริ่มต้นทำงานครั้งแรกก็ทำงานที่ค่ายเพลงเลย หลังจากที่เลิกวง Success ไป ผมก็ทำงานที่ค่ายเพลงนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ตอนนั้นผมรู้จักกัน คุณวิเชียร อัศว์ศิวะกุล เจ้าของค่ายฯ ตอนนั้นเขาก็ให้ผมเข้าไปทำงานอยู่ในแผนก Advertising Promotion ทำงานเกี่ยวกับด้านโฆษณาของศิลปินทั้งหมดว่าใครมีเพลงออกบ้าง จะโปรโมทเพลงไหน แล้วก็ทำ Spot เพลงนั้นๆ ไปส่งสถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ เพื่อโปรโมทศิลปิน
หลังจากออกจากนิธิทัศน์ ก็มีเพื่อนชวนไปทำงานที่บริษัท Central Trading เป็นบริษัทที่สั่งสินค้าจากเมืองนอกเข้ามา แล้วก็กระจายขายตามร้านค้าต่าง ๆ รวมทั้งห้างด้วย แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็น บริษัท CMG หรือ Central Marketing Group ก็ยังทำกิจการการค้าอยู่ หลังจากที่ผมออกจาก CMG ก็กลับมาทำงานที่ค่ายเพลงอินดี้ ชื่อ Spicy Disc เป็นค่ายที่มีศิลปินหลากหลาย ตอนนั้นเข้าไปทำงานตำแหน่งที่ดูแลเรื่องการขาย แล้วก็ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมด การขายนี้ก็รวมทั้งดิจิทอลแล้วก็สินค้าต่างๆ ที่ทางค่ายผลิตขึ้นมา ตอนนั้นก็ยังมี CD เสื้อยืด แล้วก็พวกอะไรที่เกี่ยวกับตัวศิลปิน ผลิตออกมาขายตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ
ค่ายเพลงของตัวเอง “Concept Records” และทิศทางในอนาคต
Concept Records เกิดขึ้นในค่ำคืนหนึ่งที่ผมคิดว่า ผมอยากทำค่ายเพลง จริงๆ แล้วผมมีความตั้งใจว่าอยากจะทำค่ายเพลงมานานแล้ว ประกอบกับว่า ชีวิตของผมทำงานค่ายเพลงมาเกือบตลอด หลังจากที่ออกจากค่ายเพลงสุดท้าย ผมก็อยากจะท่องเที่ยว อยากจะพักผ่อน จนวันหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ได้ละ ผมต้องทำตามสิ่งที่เคยคิดไว้คือการอยากทำค่ายเพลง คิดไปคิดมา คืนหนึ่ง ก็เขียนชื่อค่ายว่าจะเอาชื่อไหนดี ชื่อนั้น หรือ ชื่อนี้ดี จนสุดท้ายมาจบที่ชื่อ Concept Records
ก็เป็นค่ายเพลงเล็กๆ มีผมเป็นศิลปินเบอร์แรก แล้วมองหาศิลปินใหม่ ๆ ความฝันของผม จริงๆ แล้วอยากมีศิลปินที่หลากหลายแนวอยู่ในค่าย Concept มันแปลว่า แนวคิด ความคิด ต่างๆ ซึ่งผมก็มีหลายคอนเซ็ป เช่น Concept easy listening, rock เป็นต้น ซึ่งผมก็จะค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ อันนี้คือความฝันสูงสุดที่อยากจะทำค่ายเพลงให้คนทั่วไปรู้จักค่ายผมมากขึ้น
การปรับตัวของศิลปินยุค 80s สู่การทำงานในยุคดิจิทอลแพลตฟอร์ม
สมัยผมยังเป็นอนาล็อกอยู่ ห้องอัดเสียงก็ยังเป็น อนาล็อก เป็น 24 Tracks หลังจากที่ทำ Master เสร็จ มันก็จะออกมาเป็น เทปรีล ก็ยังเป็นอนาล็อกอยู่ดี ก็จะมีการเก็บ Master เป็น รีล แต่หลังจากนั้นอีกไม่นาน เขาก็จะเก็บกันแบบดิจิทอล ซึ่งปัจจุบันนี้ เขาก็จะเก็บกันแบบนี้ทั้งหมดแล้ว ช่องทางการโปรโมทสมัยก่อน จะมีแค่ช่องทางทีวี และ ทางวิทยุ แต่ก่อนวิทยุสนุกมากเลย พอเวลาทำเพลงเสร็จเขาก็ต้อง Copy ใส่ รีลเล็กๆ เพื่อส่งสถานีวิทยุให้นำเพลงไปเปิด แล้วบางทีทางสถานีเขาก็จะเชิญเข้าไปโปรโมทเพลงทางวิทยุ ไปนั่งคุยกัน แต่ปัจจุบันมันกลับกัน กลายเป็นว่า เพลงผมเป็นดิจิทอลทั้งหมด การอัดเสียงก็จะเป็นระบบดิจิทอลทั้งหมด มีแค่ห้องนอน หรือว่ามีคอมพิวเตอร์เล็ก ๆ เครื่องนึงที่มีโปรแกรมอัดเสียง ก็สามารถทำเพลงออกมาได้แล้ว เวลาอยากจะส่งโปรโมทก็แค่ส่งเป็น Data แล้วส่งไปทางอีเมลก็ได้แล้ว
อีกช่องทางหนึ่งที่ปัจจุบันจำเป็นมากคือ ช่องทาง YouTube ซึ่งศิลปินทุกคนต้องมี MV ลง แต่ในอนาคตข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ทุกวันนี้ก็มีการสตรีมมิ่งเพลงอีก เช่น Joox, Spotify, Apple music ก็ต้องเรียนรู้และปรับตัวกันต่อไป
Mindset ในการทำงานและการใช้ชีวิต
การทำงานของผมคือเป็นคนที่ทำงานแล้วอยากให้มันเสร็จ ในกรอบเวลาของมัน ถ้าทำเสร็จก่อนจะเป็นการดีที่สุด จะได้มีเวลาเพื่อไปคิดทำย่างอื่นต่อ ในชีวิตประจำวันของผมก็เป็นวันธรรมดาๆ มีความสุข แต่กับเรื่องที่ซีเรียสผมจะเป็นคนที่แบบ ช่างมัน ช่างแม่ง !(หัวเราะ) อะไรทำนองนี้ มันก็จะทำให้ผมสบายใจขึ้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ควรหนีปัญหา มีอะไรก็ต้องเข้าไปแก้ไขมัน แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้แล้ว ก็ต้องช่างมัน แล้วปล่อยให้เวลา ค่อยๆ แก้ไขตัวของมันเอง
คำจำกัดความของตัวเอง
จริงๆ ต้องไปถามคนอื่นนะ ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นคนยังไง (หัวเราะ) จริง ๆ แล้วผมเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ค่อยเครียด ไม่ค่อยซีเรียส หลายๆ คนที่เคยเป็นรุ่นน้องผม ก็จะรักผมเป็นพิเศษ เขาบอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่น คอยให้คำปรึกษา คอยช่วยเหลือเขาได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นถ้าให้ผมให้คำจำกัดความของตัวเองมันก็ลำบากนิดนึง แต่จะรู้แค่ว่าตัวเองเป็นคนใจดี
ข้อคิดและกำลังใจ
ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปเร็วมาก ปัจจุบันเป็นโลกยุคดิจิทอล เพราะฉะนั้นจะทิ้งความรู้เรื่องดิจิทอลไปไม่ได้ ต้องค่อยๆ คืบคลานเข้าไปในโลกของดิจิทอล และหาความรู้กันไป จะมาใช้วิธีแบบสมัยก่อนมันไม่ได้แล้ว ต้องเข้าไปท่องโลกดิจิตอลเพื่อไปศึกษานู้นนี้ ต่างๆ นานา ตั้งใจว่าถ้ามีเวลาว่าง ผมต้องหยิบมือถือขึ้นมา จริงๆ ผมไม่ได้ติดมือถือนะ แต่ผมติดที่จะหาความรู้จากมันมากกว่า
ช่องทางการติดต่อและติดตามผลงานเพลง
สามารถติดตามได้ที่ Fanpage: Concept Records จะมีเรื่องราวของค่ายเพลงผมอยู่ และผมก็เป็นศิลปินเบอร์แรกของค่ายเองครับ หรืออีกช่องทางก็จะเป็น YouTube: Concept Records เหมือนกัน ในนั้นก็จะมีเพลงของ Chin อยู่ในนั้น ต้องเข้าไปกด Subscribe นะครับ จะได้รับรู้เพลงใหม่ ๆ ได้ทันที และขอบอกเลยนะว่ามันเป็นเพลงที่เพราะมาก เข้าไปติดตามด้วยนะครับ จะได้รู้ว่าค่าย ค่ายนี้น่าติดตามมากครับ
และนี่คือเรื่องราวของผู้ชายอบอุ่น “Chin”