ในชีวิตของคนคนหนึ่ง ในโลกแห่งการทำงานนั้น หากเราจะยึดถือหลักคิดที่ว่า ‘ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน’ แล้วล่ะก็ ‘อายุ’ ก็อาจจะเป็นปัจจัยเหนี่ยวรั้งที่สวนทาง เป็นขั้วตรงข้ามในการก้าวไปถึงเป้าหมายดังกล่าวอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านแห่งยุคสมัยปัจจุบัน ที่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ หรือ ‘Generation Y’ ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงาน พร้อมความคิด ความคาดหวัง และมุมมองต่อความสำเร็จและคุณค่านั้น ไม่อาจจะประสานเข้ากับผู้ที่มาก่อนได้โดยง่ายนัก
แต่สำหรับผู้บริหารใหญ่อย่าง คุณเกิ้น ประกิตติ บุณยเกียรติ General Manager Agency Distribution แห่งเอไอเอ ประเทศไทยผู้รับผิดชอบดูแลตัวแทนฝ่ายขายทั่วประเทศกว่าหกหมื่นคน ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคและพร้อมรับความท้าทาย เปิดใจกว้างให้กับทุกความเปลี่ยนแปลงโดยไม่ประหวั่นถึงวันและวัยที่ผ่านเลย ซึ่งทีมงาน D-Day Trendy ได้มีโอกาสไปร่วมพูดคุยในบ่ายวันเสาร์ฟ้าโปร่งแสนสบาย ภายใต้บรรยากาศอันเป็นส่วนตัว ณ บ้านพักของคุณเกิ้ลที่โครงการ คีรีมายา เขาใหญ่ ที่นำมาสู่บทสัมภาษณ์ที่ช่วยให้เราเปิดกว้างทางมุมมองต่อปัจจัยชีวิตในด้านที่กล่าวไปข้างต้น ที่เราพร้อมนำเสนอในวรรคถัดจากนี้ไป
บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะ General Manager ของคุณเกิ้น ?
คุณเกิ้นทำหน้าที่ดูแลฝ่ายขายทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยส่วนของพนักงาน ฝ่ายดูแลตัวแทน ฝ่ายฝึกอบรม ฝ่ายส่งเสริมการขายและฝ่ายอื่นๆ รวมถึงดูแลหัวหน้าหน่วยและตัวแทนขายกว่าหกหมื่นคนทั่วประเทศ อันที่จริงเดิมที ก่อนหน้านั้นผมดำรงตำแหน่ง Chief Agency Officer (CAO) ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ภายใต้การดูแลของ GM อีกทีหนึ่ง และจะดูแลเฉพาะในส่วนของตัวแทนฝ่ายขายแต่เพียงอย่างเดียวส่วนที่เหลือจะเป็น Chief Agency Management Officer (CAMO) ที่รับผิดชอบ ซึ่งทั้งสองขานี้ จะขึ้นตรงกับ GM เป็นหลัก ทีนี้ พอเราได้ขึ้นมาอยู่ตำแหน่ง GM แล้ว แน่นอนว่าความรับผิดชอบก็ย่อมมีมากขึ้น เพราะต้องทำความเข้าใจกับงานทั้งสองด้าน
ความท้าทายในตำแหน่ง GM ของบริษัทประกันชีวิต ?
โดยส่วนตัวมองว่าสิ่งที่เป็น Priority หลักตอนนี้ คือความพยายามที่จะฝึกสอนและปั้น CAO คนใหม่ ซึ่งเป็นความท้าทายที่สูงมาก เพราะเขาไม่เคยผ่านงานธุรกิจประกันชีวิตในสายตัวแทนมาก่อน เพื่อให้เขาขึ้นมาทำหน้าที่แทนเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าตำแหน่งดูแลตัวแทนฝ่ายขายนั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของเชิงเทคนิคแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่รวมไปถึงความสัมพันธ์กับผู้คน ทำอย่างไรให้คนยอมรับ เพราะต้องบอกว่าฝ่ายขายในธุรกิจประกันชีวิตนั้น แกร่งมาก และไม่ยอมอะไรง่ายๆ ถ้าคุณไม่สามารถทำงานประสานกับตัวแทนได้ การกำหนดนโยบายใดๆ ก็จะเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ซึ่งในตอนนี้ ผ่านไปหนึ่งปี ก็รู้สึกสบายใจว่าคนที่ขึ้นมาแทนเรา สามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม และได้การยอมรับจากตัวแทนฝ่ายขาย ผ่านการพิสูจน์ตนเองอย่างชัดเจน ในจุดนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับตัวของเขา ที่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว มีความพร้อมในการที่จะปรับตัวและทำงานได้เป็นทุนเดิม
แนวทางในการวางตนเอง ในฐานะที่ต้องดูแลคนจำนวนมากในองค์กร ?
เจ้านายของผม คุณธัลดล บุนนาค ผู้ที่ก่อตั้งแผนกที่ประสานระหว่างบริษัทและตัวแทนขายในช่วงแรกเริ่ม ได้สอนเอาไว้ในตลอดชีวิตการทำงานในแวดวงนี้ว่า เราต้องลงไปคลุกคลีกับคนในองค์กรที่เรารับผิดชอบ ต้องเข้าไปเพื่อให้เข้าใจความคิดและปัญหาของตัวแทนขาย ว่าต้องพบเจอกับสิ่งใด เมื่อเราเข้าใจ จะทำให้เราทำงานกับพวกเขาได้ดีขึ้น เข้าถึงปัญหาได้ตรงจุดและออกนโยบายที่ตอบสนองต่อการทำงานของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ มันต้องเกิดการสะสมอย่างต่อเนื่องนับสิบปี ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถชี้นิ้วแล้วให้เป็นไปได้อย่างใจต้องการได้ในทันที มันต้องใช้เวลา
วิธีการรับมือกับความกดดันและปัญหาที่เข้ามาในการทำงาน
ส่วนตัวมองว่า ทุกกระบวนการที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็น ‘เกม’ อย่างหนึ่งนะ เป็น Business Game คือทุกคนต่างทำหน้าที่ของตน ในบทบาทของตนคุณธัลดลบอกเอาไว้เสมอว่า การตำหนิหรือการติติงใดๆ นั้น มันเป็นเรื่องของการทำงาน ไม่ได้มีความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง เราต้องไม่เอามาเป็นอารมณ์ ต้องปล่อยวางให้เป็น ซึ่งความรู้สึกกดดันนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี ความกดดันที่พอดี จะทำให้คนเติบโต และแข็งแกร่ง และแนวคิดนี้ ผมก็เอามาปรับใช้กับตนเองในปัจจุบันที่ดำรงตำแหน่ง GM ที่เราจะคอยกระตุ้นคนในทีมเสมอ คอยใส่ความกดดันในระดับที่พอเหมาะ บอกเขาว่า คุณทำได้ ผมเชื่อว่าคุณผ่านมันไปได้ ให้เขาฮึดสู้และก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง รวมถึงช่วยให้เขารับมือกับความท้อแท้ได้ดียิ่งขึ้น
ความคิดเห็นที่มีต่อคนรุ่นใหม่ Generation Y กับการประสานในกระบวนการทำงานกับคนรุ่นเก่า ?
ย้อนกลับไปที่เรื่องความกดดัน ยอมรับว่าระดับความกดดันในฐานะผู้บริหารที่เราใส่เข้าไปนั้น จะไม่สามารถเท่ากับที่เราใช้กับคนรุ่นก่อนหน้า คนรุ่น Gen Y นั้นมองเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตควบคู่กัน คือทำงานไปด้วย แต่ต้องได้ใช้ชีวิตสนุกสนานไปด้วย ซึ่งต่างจากรุ่นเก่าที่ทำงานจดจ่อกับการเก็บเงินสร้างฐานะ ทีนี้ เราในฐานะที่ต้องดูแลพนักงานและฝ่ายขายเลือดใหม่ที่เข้ามา ก็ต้องพยายามทำอย่างไรก็ได้ ให้เวลาช่วง ‘ทำงาน’ ของคนรุ่นใหม่ พวกเขาใส่เข้าไปเต็มร้อย และให้พวกเขาได้ ‘ใช้ชีวิต’ ที่เขาต้องการควบคู่กัน แต่สิ่งหนึ่งที่คนรุ่นใหม่มี และเป็นข้อดีนั่นคือ มีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และมีความกล้าที่จะแสดงความเห็นในเรื่องต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ ทีนี้ เราในฐานะที่ต้องประสานระหว่างคนรุ่นใหม่และรุ่นก่อนหน้า คือทำอย่างไรที่จะให้ไอเดียเหล่านั้น ถูกเกลาผ่านประสบการณ์ แต่ไม่เหนี่ยวรั้งพวกเขาไว้ แต่เสริมในส่วนขาด บอกตามตรงว่านี่คือวัฒนธรรมหลักที่เกิดขึ้นใน AIA และส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าระดับบนบอกปัดปฏิเสธความคิดเห็น หรือเวลามีไอเดียอะไรใหม่ๆ ยังต้องรอการอนุมัติจากเบื้องบน คุณไม่มีทางที่จะทำให้องค์กรเดินหน้าด้วยความสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ได้เลย ซึ่งผู้ใหญ่เองก็ต้องอดทน และต้องคอยแนะนำด้วย ถ้าหากสิ่งนั้นๆ มีจุดที่บกพร่อง แต่ต้องไม่ชี้นำ พูดให้น้อยลง ฟังให้มากขึ้นน่ะ (หัวเราะ)
มองเรื่องอายุตนเองกับการทำงานในเวลานี้อย่างไร ?
ผมมี Role Model ประจำใจที่สำคัญมากๆ คือคุณแม่ (จงกลนี บุณยเกียรติ) ตอนนี้อายุ 89 แล้ว แต่คุณแม่มีทุกสิ่งที่คนยุคนี้มี มี Facebook, เล่น Line, ใช้ iPad, iPhone ซึ่งถ้านับอายุแล้ว คุณแม่เกิดก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก แน่นอนว่าคุณแม่ไม่มีความจำเป็นใดที่จะใช้ของพวกนี้ แต่คุณแม่ไม่ได้มองว่ามันเป็นข้อจำกัด หากแต่มองว่าเป็นสิ่งที่ ‘เรียนรู้ได้’ และเริ่มเห็นประโยชน์ บางทีอาจจะช้า ต้องถามหลานๆ ในรายละเอียด แต่ช้าเร็ว คุณแม่ของผมมองว่า เขาพร้อมที่จะปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราก็สอนตัวเองและสอนทุกคนในทุกวันนี้ ให้เปิดใจรับสิ่งใหม่ ไม่ปิดกั้นความคิดและความเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงการดูแลตัวเอง ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ ให้สามารถยืนหยัดอยู่ได้
ไลฟ์สไตล์นอกเวลางานของคุณเกิ้น ?
ถ้าเป็นตอนนี้ ก็คือพยายามดูแลร่างและใจให้สมบูรณ์แข็งแรงไปพร้อมกัน พอล้างหน้าแปรงฟันแล้ว ตอนเช้าก็จะมานั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์ ออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง แล้วที่เหลือถ้าเป็นวันหยุดก็อาจจะนั่งพักผ่อนดูกีฬา ฟังเพลง หรือถ้าอย่างในตอนนี้ที่มาบ้านคีรีมายา ก็อาจจะไปวัดตอนเช้า แล้วกลับมาพักผ่อนอยู่กับภรรยาและลูกๆ พอโพล้เพล้ก็จะออกมานั่งจิบไวน์รับลมยามเย็น ซึ่งบ้านที่นี่ดีมาก พอตกเย็นมาอากาศดีน่าออกมานั่งที่สุด (หัวเราะ)
สิ่งที่อยากจะฝากบอกไปยังคนรุ่นใหม่ ในฐานะที่มีประสบการณ์ชีวิตและการทำงานมาอย่างยาวนาน
อย่างแรกสุดเลยคือ คุณมีความคิดสร้างสรรค์ได้ คุณคิดสิ่งใหม่ๆ ได้ แต่คุณต้องมาด้วยหลักและตรรกะที่สามารถอธิบายให้เห็นในเชิงปฏิบัติได้ นั่นจะทำให้คนยอมรับคุณ และอย่างที่สองคือ การมีสัมมาคารวะต่อคนทุกระดับเป็นเรื่องที่ไม่ควรขาด เราสามารถนอบน้อมถ่อมตนได้ในขณะที่ยังมั่นคงกับแนวคิด มันจะช่วยให้เราสามารถเข้ากับคนได้ทุกระดับ และทำให้ชีวิตการทำงานนั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่อย่าลืมว่า ไม่ได้หมายถึงยอมจนหงอไปเสียหมด แต่เข้าหาด้วยความสุภาพ มีเหตุมีผล จะทำให้คุณไปได้ไกล
เรื่อง : สุกฤษฏิ์ บูรณสรรค์