Rhythm...of.....life... ”Rishi”
....กับลีลาการดีดนิ้วดังให้ได้ยิน...ตามจังหวะดนตรีที่ส่งผ่านจากเฮดโฟนรุ่นล่า....เสียงฮัมเพลงในลำคอของหนุ่มน้อยนักเรียนนอกเมืองผู้ดีวัย 18 “ริชชี่” หนุ่มน้อยลูกครึ่งไทย อินเดีย ที่ ทีมงาน ddtrendy เข้ามาล้วงลึกชีวิตเด็กไทยในต่างแดน กับการก้าวขึ้น...เติบโตขึ้นในวงการเพลงของเกาะอังกฤษในอนาคตคนนี้
ด้วยท่าทางการแสดงออกในความเป็นตัวของตัวเอง ฉายแววความร่าเริงสะท้อนบุคลิกอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น
..... จากจุดเริ่มต้นเมื่อสี่ปีก่อน ในวัยเพียง 14 “ ริชชี่” ได้รับการเชื้อชวนจากเพื่อนคุณพ่อที่เปิดบริษัทเพลง ให้เริ่มต้นเรียนรู้ที่จะร้องเพลงด้วยเห็นถึงศักยภาพและความชื่นชอบดนตรีและการร้องเพลงของเขา จากการฝึกฝนตลอดสี่ปีที่ผ่านมา และการนำเสนอผลงานผ่านทาง You Tube , Instagram , Twitter , snap chat และตาม social network ทำให้ชื่อและน้ำเสียงของ “ริชชี่” เริ่มเป็นที่คุ้นชินและรู้จักกันในลอนดอนมากขึ้น จนนำมาถึงการเตรียมตัวร่วมงานกับศิลปินชื่อก้อง
“สวัสดีครับ...” ริชชี่ ทักทายด้วยการไหว้ตามวัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นทีมงาน D-daytrendy
เรานัดพบกับเขาที่ร้านแห่งหนึ่งย่านเกษตรนวมินทร์ วันนี้ริชชี่มาพร้อมกับ คุณแม่ คุณพ่อและคุณป้า ด้วยเพราะภาษาไทยที่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก การให้สัมภาษณ์จึงอยู่ในความดูแลของครอบครัวที่ต้องคอยมาแปลกันในอีกขั้นหนึ่ง แม้จะพูดภาษาไทยก็ตาม
อยากให้ริชชี่แนะนำตัวหน่อยครับ เราเอ่ยปากขึ้นเมื่ออุปกรณ์อัดเสียงเตรียมพร้อม
“ผมเกิดที่อังกฤษ และกำลังเรียนอยู่ที่อังกฤษ คุณพ่อเป็นคนอินเดีย คุณแม่เป็นคนไทยครับ...” ริชชี่เริ่มเล่าให้ฟัง
“ 3 ขวบ ก็เริ่มเข้าเรียนเนอสเซอรี่ และมาเรียนคอลเลจที่ลอนดอน การใช้ชีวิตก็เหมือนกับเด็กนักเรียนธรรมดาๆ มากครับ เหมือนเด็กนักเรียนทั่วไป ผมเกิดที่นั่นแต่กลับบ้าน กลับมาเมืองไทยปีละครั้ง”
....นี่กระมังที่แม้คุณแม่จะพูดภาษาไทยกับเขาเพื่อไม่ให้ลืมเลือนภาษาไทย แต่สำเนียงของเขาก็ดูจะแปร่งปร่าพอสมควร
ริชชี่ เล่าต่อว่า “การที่เรากลับมาบ้าน มาเมืองไทยดีมากๆ สำหรับเรา ทำให้รู้ว่าเราเป็นคนไทย รู้ว่าการเป็นคนไทยจะต้องทำตัวอย่างไร รู้ภาษา รู้วัฒนธรรมของคนไทย
คุณแม่จะสอนภาษาไทยตั้งแต่เกิด แต่ไม่ได้เรียนเขียนอ่านภาษาไทย แม่จะพูดภาษาไทยกับผมตั้งแต่เกิด เราก็จะเรียนรู้ของเราเองตามธรรมชาติ ทำให้รู้ภาษาอังกฤษและภาษาไทย ทำให้ซึมซับความเป็นไทย กลับมาเมืองไทยเราก็ได้ใช้ และทำให้ไม่ลืมว่าเราเป็นคนไทย แต่จริงๆ ก็มีหลายคำที่ไม่ค่อยได้ยิน ผมจะไม่ค่อยเข้าใจ แปลไม่ค่อยออก ต้องคอยถามคุณแม่ว่าหมายความว่าอะไร”
ในวัยเยาว์ ตั้งแต่ 9 ขวบ ริชชี่ เข้าเรียนประจำ และใช้ชีวิตแบบนักเรียนประจำ เขาย้ำว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่มีความสุขและสนุกสนานช่วงหนึ่งทีเดียว
“ผมเรียนประจำตั้งแต่เก้าขวบ ใช้ชีวิตแบบนักเรียนประจำ สนุกมาก เพราะผมชอบเล่นกีฬา ที่โรงเรียนมีให้เล่นหลายอย่าง แล้วแต่จะเลือก ทั้งฟุตบอล แร็คเก็ต แบดมินตัน มีทุกอย่าง เราได้อยู่กับเพื่อนๆ ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ กับการเล่นกีฬาและเรียน สนุกมากเป็นช่วงความทรงจำที่สนุกและชอบมากครับ
สำหรับเมืองไทยแล้ว ผมมองว่าทุกอย่างแตกต่างกันมากกับทางอังกฤษ แต่ผมก็ชอบเมืองไทยตรงที่เหมือนกับเป็นบ้านที่สองของเรา เวลากลับมาเหมือนกลับบ้านไม่ได้ไปต่างประเทศ ถึงจะเดินทางค่อนข้างเหนื่อย ใช้เวลาบินถึง 12 ชั่วโมง เหนื่อยแต่ก็ชินแล้ว เพื่อนๆ ยังไม่ได้มาเที่ยวเมืองไทย เพราะส่วนใหญ่ปิดเทอมก็จะทำงาน ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยก็อ่านหนังสือ สำหรับเพื่อนๆ เมืองไทยไกลพอสมควร
ไลฟ์สไตล์ของผมก็เหมือนกับเด็กอายุ 18 ทั่วไป วันหยุดก็ฝึกเพลง เล่นกีฬา เล่นกับเพื่อน เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง แต่ที่ชอบที่สุดคือฟังเพลง ร้องเพลงครับ”
และเมื่อถามถึงจุดเริ่มต้นของการได้เข้ามาร่วมงานกับศิลปินชั้นนำของอังกฤษ ริชชี่ นิ่งคิดและค่อยๆ เล่าให้ฟัง และเมื่อเขานึกคำไทยไม่ออกคุณแม่และคุณป้าจะเป็นผู้ช่วยเหลือตลอดการสนทนา
“ตั้งแต่เด็ก ที่โรงเรียน ผมเห็นเพื่อนที่สามารถเล่นกีต้าร์ได้ ร้องเพลงและสร้างแบนด์ของเขาได้ เราก็ชื่นชอบและก็ฟังมาตลอด ก็อยากเป็นเหมือนเพื่อน พอคุณแม่ซื้อวิทยุให้ผม ถือเป็นจุดที่ทำให้ผมฟังเพลงทั้งวันทั้งคืน ผมจะซื้อ CD จากร้าน HMV ของอังกฤษมาฟัง
ซื้อกีตาร์มานั่งเล่น ผมใช้เวลากับดนตรีมาก ชอบดนตรีทุกชนิด เล่นเปียโนนิดหน่อย กลอง กีตาร์ แต่จะชอบร้องเพลงมากที่สุด
ชอบเพลงแนว R & B ฟังในวิทยุ คุณพ่อเปิดร้านอาหารในอังกฤษ ตั้งแต่เด็กๆ ผมก็จะฟังเพลงตอนคุณพ่อขับรถจากร้านอาหารมาถึงบ้าน คุณพ่อจะเปิดวิทยุฟังเพลงแนว R & B ของอังกฤษ เราฟังและซึมซับมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเพลงแนวนี้จะเป็นเสียงที่นุ่ม Melody ถูกใจ และน้ำเสียงของผมเองก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ทำให้ผมชอบร้องเพลงแนว R & B
ริชชี่ เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นนักร้องว่า “ เมื่อสี่ปีก่อนผมทำเพลง ผมไปสตูดิโอของเพื่อนพ่อ ก็จะเจอนักร้องดังๆ ตอนนี้กำลังทำเพลงกับศิลปินหลายคนคือเขาฟังเพลงของเราก็จะช่วยเขียนเพลงและแนะนำให้
เพลงผมจะนำเสนอใน youtube แต่จะใช้ Instagram มากที่สุด ที่ @official rishi มีคนเข้ามาติดตามและแชร์หลายหมื่นคน ส่วน ทวิตเตอร์ Snap Chat ก็ใช้ @rishi จะร้องเพลงลงใน Snap Chat มากสุด จริงๆไม่ได้ใช้ยูทูบมากนัก ก็เริ่มมีคนเข้ามาติดตามผลงานมากขึ้นครับ”
ตอนนี้กำลังทำงานเพลงออกมาแต่ยังสร้าง EP อยู่ครับ สิ้นปีนี้น่าจะออกมาให้ฟังกัน สำหรับผมแล้วไม่ได้คาดหวังว่างานจะออกมาดังแค่ไหน แต่ผมรู้แค่ว่าอยากให้คนฟังมีความสุข ไม่เป็นไรจะดังหรือไม่ดังขอแค่ให้คนฟังเพลงของผม ผมจะพัฒนางานเพลงให้ดีที่สุด เพลงของผมก็คืองานของผม เหมือนเราวาดรูป เราก็อยากให้คนดูมากที่สุดแล้วจะมีความสุข
ดีใจครับที่มีคนอยากฟังเพลงของเรา รู้ว่าเราทำอย่างไร สร้างเพลงอย่างไร มีความสามารถอะไรบ้าง คือผมแต่งเพลงเองได้ แต่เพลงของผมจะเป็น co - produce เวลาเข้าห้องอัดจะไปกันหลายคน แต่ topic ของงาน เราจะเป็นคนบอกว่าอยากได้งานออกมาแบบไหน สร้าง story ของเพลงอย่างไร ก็ช่วยๆกันทำ”
ริชชี่ กล่าวถึงนักร้องต้นแบบที่ชื่นชอบเปรียบเสมือนเป็นไอดอลในตัวเขาว่า “นักร้องที่ผมชื่นชอบ เป็นไอดอลของผมเลยคือ Justin Timberlake ทุกอัลบั้มถือว่าสุดยอดทุกเพลง ผมซื้อซีดีเพลงแรกก็ซื้อซีดีของเขา เพลงเขาดีหมดเลย ตัวเขาเก่งและฉลาด เป็นทั้งนักแสดงและร้องเพลงเก่งมาก ร้องได้ทุกแนว ไม่ว่าจะแนว R & B , POP ROCK ลูกทุ่งของอเมริกา เขาได้หมด ผมอยากเป็นเหมือนเขา
ตอนนี้มีค่ายเพลงและบริษัทอื่นๆ ติดต่อเข้ามาหลายบริษัท แต่ผมยังอยากพยายามทำเพลงด้วยตัวเองก่อน”
ท้ายสุด.... คงไม่เอ่ยถึงไม่ได้ กับเบื้องหลังซึ่งถือเป็นแรงสนับสนุนที่ช่วยส่งเสริมและผลักดันให้ หนุ่มน้อย ริชชี่ สามารถก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้คือครอบครัว
ริชชี่ เล่าว่า “ ครอบครัวมีส่วนช่วยผลักดันอย่างมาก คุณพ่อจะรู้ว่าผมชอบอะไร คุณแม่จะช่วยทุกอย่าง ช่วยหาครูให้เรียนด้านร้องเพลง ช่วยส่งเสริมอย่างมาก แม่ดีที่สุดในโลกครับ ทั้งพ่อทั้งแม่เหมือนกันให้คำปรึกษาคำแนะนำ และอยู่ข้างๆ ผมตลอด
ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร งานจะออกแบบแล้วโด่งดังหรือไม่ ผมไม่ได้สนใจตรงนั้น แต่ผมจะสนใจที่งานเพลง การพัฒนา ฝึกฝน การร้องเพลงและที่สำคัญ ผมได้ทำในสิ่งที่ผมรักมากๆ คือการร้องเพลงครับ”
อีกไม่นานเกินรอ .... เพลงที่ออกมาจากความตั้งใจด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดลูกครึ่งไทย-อินเดียคนนี้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ สิ่งที่น่าชื่นชมอยู่ตรงที่เขาได้แสดงความสามารถ ได้ตั้งใจทำในสิ่งที่เขารักแล้ว และพร้อมที่จะก้าวสู่ความเป็นศิลปินเต็มตัวอย่างภาคภูมิ
ริชชี่ ......