"ร.ด.เด็กไทยผมเกรียน...ไปเรียนก็เกาะรถเมล์...ไม่หล่อแต่เราแต่งตัวเก๋...เกเรไม่เป็นเหมือนใคร……".
เชื่อว่าหลายๆคนยังคงจำบทเพลงนี้กันได้อยู่ และ แน่ใจว่าคงรู้จักเจ้าของผลงานนี้เป็นอย่างดี เพราะเขาผู้นี้ยังมีข่าวคราวและผลงานในวงการ ให้เราได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง
แขกรับเชิญของD-Day Trendy คือผู้ชายมากความสามารถ “คุณจิ๊ป วสุ แสงสิงแก้ว” วันนี้เขาเปิดโอกาสให้คุยแบบเจาะลึกกันเลยทีเดียว ทั้งเรื่อราวงส่วนตัวและผลงานที่ผ่านมาและที่กำลังมีอยู่ในขณะนี้ ว่าเขา กำลังทำอะไรอยู่บ้าง เอาแบบให้แฟนๆได้หายคิดถึงกันเลยทีเดียว
เรามารู้จักประวัติคุณ จิ๊ป วสุ กันสักนิดหนึ่งก่อนดีกว่า เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยนะครับ
คุณวสุ แสงสิงแก้ว หรือ จิ๊ป เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 เป็นบุตรชายคนเดียวของ พลเรือตรี ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิทุร แสงสิงแก้ว อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข อดีตวุฒิสมาชิก และคุณสุดาชา แสงสิงแก้ว คุณจิ๊ป เริ่มเรียนตั้งแต่ขั้นประถมจนจบการศึกษาระดับมัธยมต้นจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ระดับอุดมศึกษาที่ คณะรัฐศาสตร์ภาคความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามลำดับ
ได้รับมอบหมายงานให้ดูแลกรมต่างๆ หลายกรมเกือบ 20 ปี
หลังจากจบแล้วได้เข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ เป็นที่แรก ได้รับมอบหมายงานให้ดูแลกรมต่างๆ หลายกรม เช่น กรมอาเซียน, กรมองค์การระหว่างประเทศ, กรมยุโรป กรมสารนิเทศ เป็นเวลาเกือบ 20 ปี ระหว่างนั้นยังได้ทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท (Master of Arts in International Affairs) ณ Ohio University สหรัฐอเมริกา (ทุนมหาวิทยาลัย) และ Foreign Service Programme (FSP), Master of Science in Global Governance ณ Oxford University ประเทศอังกฤษ
หลังจากนั้นก็ได้เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในสมัย นายประจวบ ไชยสาส์น และ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ตามลำดับ จากนั้นได้ย้ายไปเป็นกงสุลไทยประจำสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์ เป็นเวลา 4 ปี และเป็นข้าราชการระดับนักการทูตชำนาญการ ตำแหน่งเลขานุการอธิบดีกรมการกงสุล ปัจจุบันได้รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา
ติดอันดับเยาวชนเทนนิสโลก
คุณจิ๊ป วสุ มีความรักในกีฬาเทนนิสมาตั้งแต่เด็กโดยได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อ ที่ความชอบในกีฬาเทนนิสอยู่แล้ว จึงได้สงเสริมให้ลูกชายมาเล่นกีฬาประเภทนี้ ถึงขนาดสร้างสนามเทนนิสไว้ซ้อมขึ้นในบริเวณบ้านกันเลย
และตอนที่คุณจิ๊ปอายุได้ 11 ปี ได้มีโอกาสไปเข้าฝึกอบรมเทนนิสที่รัฐฮาวาย และอีกครั้งตอนอายุ 15 ปีที รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนั้น อังเดร อากัสซี่ ก็ฝึกอยู่ที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน จนสามารถได้เป็นถึงแชมป์เยาวชนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในรุ่น 12 ,14 และ 16 ปี และติดทีมชาติเยาวชนตั้งแต่อายุ 13-17 ปี ชนะเลิศในการแข่งขันระดับเยาวชนเอเชียมากมายหลายประเทศจนได้เป็นถึงอันดับที่ 12 ของเยาวชนเทนนิสโลกเลยทีเดียว
และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ขึ้นไปเล่นในระดับอาชีพต่อเพราะต้องกลับมาให้ความสำคัญในเรื่องกาศึกษามากกว่า จึงได้วางมือด้านกีฬาเทนนิสไป
หลงเสน่ห์เสียง เอลวิส เพรสลีย์ สืบเสาะหาข้อมูลจนทำให้เกิดความผูกพัน
คุณ จิ๊ป เล่าให้ฟังว่ามีความชอบ ในตัว เอลวิส เพรสลีย์ เป็นอย่างมากมาตั้งแต่เด็กๆ โดยได้ยินจากแผ่นเสียงซึ่งยังไม่รู้ว่า เอลวิส เพรสลีย์ เป็นใครและมีชื่อเสียงขนาดไหน รู้แต่ว่าคนๆนี้ร้องเพลงได้เพราะมาก หลังจากนั้นจึงได้สืบเสาะหาข้อมูลด้วยความหลงใหล จึงทำให้มีความผูกพันและชื่นชอบมากขึ้น เลยเป็นอีกภาพหนี่งที่เราได้เห็น คุณจิ๊ป ในสไตล์การแต่งตัวและร้องเพลงของ เอลวิส เพรสลีย์ อยู่บ่อยๆ ถึงขนาดได้รับเชิญให้โชว์รำลึกเอลวิส เพรสลีย์ ร่วมกับรุ่นพี่เอลวิสเมืองไทยอย่าง คุณสักรินทร์ ปุญญฤทธิ์, คุณวิสูตร ตุงคะรัต และคุณจีระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ มาตั้งแต่ปี 2532 เคยได้รับรางวัล Elvis Presley, Wonderful Performance จากงานรวม Elvis of Asia ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2545 และรางวัล Elvis Presley, Best Showmanship จากงานชุมนุมเอลวิสโลก ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี 2555 และยังมีงานเดินสายโชว์อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ดนตรีอีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่สามารถแยกจากผู้ชายคนนี้
ด้วยความที่มีดวงจะต้องเป็นศิลปิน จึงทำให้ในขณะช่วงกำลังเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปี 1 คุณแจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ ได้มาชักชวนให้ไปร่วมวงดนตรีชื่อ “วงพลอย” ซึ่งเป็นอีกครั้งที่คุณจิ๊บต้องฝ่าฟันกับที่บ้าน เพราะคุณพ่อไม่สนับสนุนให้เป็นศิลปิน ถึงขั้นบอกว่าจะทำให้เสียชื่อตระกูล เพราะที่บ้านมาแนวข้าราชการ แต่ด้วยความมุ่งมั่น เขาจึงให้คำสัญญา กับคุณพ่อว่าจะไม่เสียการเรียน และขอใช้นามแฝงว่า “วิชชุ วัชรพันธ์” จึงทำให้ที่บ้านยอมอนุญาต ทำให้ได้เข้าร่วมกับวงแจ้และพลอย ในอัลบั้มชุด “ฝันสีทอง” ซึ่งสร้างยอดขายรวมได้ถึงเกือบ 2 ล้านตลับ และต้องเดินสายแสดงคอนเสิร์ตไปทั่วประเทศ
จากนั้นได้ออกผลงานชุดที่ 2 ชื่อ “ชุดของขวัญ” คุณจิ๊ป ได้มีโอกาสบันทึกเสียงเดี่ยวเป็นเพลงแรก คือเพลง จิ๊ป ร.ด. ที่เรารู้จักกันดีนี่เอง ต่อมาจึงได้ออกผลงานกับวงพลอยเอง ชื่อ สุภาพบุรุษนักฝัน โดยมี ติ๊ก ชีโร่ เป็นมือกลอง ในชุดนี้คุณจิ๊ป ได้รับหน้าที่ร้องนำ โดยมี พี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ เป็นโปรดิวเซอร์ มีเพลงดังคือ "สูตรรักนักเรียน" เขาอยู่ร่วมงานกับวงพลอยจนถึงชุด "สมาคมคนเจ็บๆ" จนถึงช่วงจบปริญญาตรีจึงได้หยุดงานดนตรีไว้อีกครั้ง ตามที่ให้สัญญากับทางบ้านไว้ว่าจะต้องไปศึกษาต่อ แต่ความเป็นศิลปินไม่เคยห่างหายไปจากผู้ชายคนนี้
ปัจจุบันคุณจิ๊ปได้ร่วมกับเพื่อนนักดนตรีก่อตั้ง วง The Palace โดยสมาชิกในวงมี อ๊อด คีรีบูน, ต้น แม็คอินทอช,จี๊ด สุนทร (วงรอยัลสไปร์ท),สายชล และ พีรสันต์ (วงดิ อินโนเซ้นท์),เต้ย (วงอินคา),จืด (วงฟอร์เอฟเวอร์) กลับมาเอาใจแฟนเพลงรุ่นเก่าๆกันอีกครั้ง ปรากฎว่ามีแฟนๆวัยรุ่นชื่นชอบ จากการที่นำบทเพลงสมัยคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวกลับมาเล่นให้ฟังอีก จึงได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี เขามีงานเดินสายโชว์ตัวกันอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีคอนเสิร์ตประจำทุกปี
เริ่มเส้นทางในวงการบันเทิงได้อย่างไร
ผลงานแรกที่เราได้รู้จักคุณจิ๊บ คือ งานโฆษณาจากเครื่องดื่มไมโล ตอนนั้นคุณจิ๊ปอายุเพียง 13 ปี คนทำโฆษณาเขาต้องการตัวแสดงที่เป็นนักกีฬา และหลังจากนั้น ได้มีผลงานการแสดงเป็นเรื่องแรกโดยเป็นพระเอกจากภาพยนตร์เรื่อง "เปรียว" ในปี 2526 ( ตอนนั้นใช้ชื่อในวงการว่า "วิชชุ วัชรพันธ์" ) เล่นคู่กับ แก้วเบญจวรรณ ภูษณะพงษ์ (เบญจา บารมี)
และในปี 2528 คุณจิ๊บ เล่าว่ากว่าจะเล่นหนังเรื่องนี้ได้ต้องฝ่าฟันกับกฎเหล็กของที่บ้านและที่โรงเรียนอย่างมาก แต่ด้วยความเป็นคนที่ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ จึงได้รับอนุญาตให้แสดงหนังเรื่องนี้ได้ และหลังจากนั้นได้หันกลับไปศึกษาต่อตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับทางบ้าน จึงทำให้เราไม่ได้เห็นผลงานการแสดงต่อมาของคุณจิ๊บ ในช่วงนั้น.......
การกลับมาอีกครั้งสำหรับวงการบันเทิง
หลังจากห่างหายจากวงการไปนานพอสมควร ตั้งแต่ปี 2537 จน ปี 2555 คุณจิ๊ป เริ่มกลับมารับงานด้านละครอย่างจริงจังอีกครั้ง จึงมีละครอยู่หลายเรื่องให้แฟนได้หายคิดถึงกัน อย่างตอนนี้ที่ออนแอร์ อยู่ก็มีเรื่องไฟรักเกมร้อน และในปีนี้ยังมีเรื่อง สุดร้าย สุดรัก , กามเทพหรรษา , ชื่นชีวา , หมอผี ที่จะทยอยออกมาให้ชมกันอย่างต่อเนื่องในปีนี้
คนพิเศษและคนรู้ใจ ที่คอยเป็นกำลังใจ
วันนี้คุณจิ๊ป มีความสุขกับทั้งชีวิตการทำงานและความรัก ซึ่งวันนี้เขามี “คุณจ๊ะจ๋า” พริมรตา เดชอุดม เป็นทั้งคนพิเศษและคนรู้ใจ ที่คอยเป็นกำลังใจ และใส่ใจในตัวคุณจิ๊บ เขายังพูดติดตลกกับทีมงานว่า เธอคนนี้เป็นภาระเชิงบวก ที่ทำให้เกิดกำลังใจกับชีวิตในเชิงสร้างสรรค์ เป็นพลังในการดำเนินชีวิตที่ดี
ทุกวันนี้เราต่างดูแลกันซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องวันข้างหน้าคุณจิ๊บบอกทุกวันนี้ “เราทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วในอนาคตทุกสิ่งทุกอย่าก็ควรจะดีไปด้วยหรือดียิ่งๆขึ้นไป....ยังไงก็รอฟังข่าวดีกันนะครับ
ทีมงานได้ถามคำถามสุดท้ายสำหรับการสนทนาในครั้งนี้ว่า ยังมีอะไรที่อยากจะทำอีกไหม เพราะจากที่ได้พูดคุยมา เราคงเห็นว่าผู้ชายคนนี้ได้ทำอะไรผ่านมามากมายเหลือเกิน คุณจิ๊ปตอบว่า “ชีวิตตอนนี้อยากทำให้ตัวเบา โดยการคืนสิ่งดีๆให้กลับคืนสู่สังคมไม่ว่าจะเป็นในแบบรูปธรรมหรือนามธรรม เท่าที่จะทำได้ ทั้งด้านกำลังทรัพย์และการให้ความรู้” ตอนนี้คุณจิ๊ป ได้รับอุปการะเด็กๆอยู่หลายคน และยังมีโอกาสเป็นอาจารย์พิเศษให้สถาบันต่างๆ อีกด้วย
คงเห็นแล้วนะครับว่าผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างมีคุณค่าจริงๆที่สำคัญคือการบริหารเวลาได้อย่างลงตัวให้สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างในเวลาเดียวกันอย่างมีคุณภาพ ตลอดการพูดคุยกับแขกรับเชิญคนนี้ ได้ทั้งเรื่องราวที่สนุกสนานและสาระซึ่งสามารถนำมาเป็นแบบอย่างได้ดีอีกผู้หนึ่งจริงๆครับ....ไม่ธรรมดาจริงๆใช่ไหม่ครับกับผู้ชายคนนี้ วสุ แสงสิงแก้ว